การใช้ทางเครื่องสำอางเพื่อลดเลือนริ้วรอย จากการค้นพบทางการแพทย์ว่า ทองคำสามารถต้านอนุมูลอิสสระได้และส่งผลให้เกิดกลไกในการต้านอาการอักเสบของข้อกระดูกในโรคเก๊าได้ผลดี ทำให้นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเชื่อว่า ด้วยกลไกเดียวกันนี้โลหะทองคำน่าจะมีประสิทธิภาพต้านอนุมูลอิสสระของผิวหนังและต้านอาการอักเสบของผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวีได้ จึงมีการนำทองคำมาประยุกต์ใช้ผสมในเครื่องสำอางที่มีราคาแพงในรูปแบบต่างๆ เพื่อประโยชน์ของการยืดอายุผิวพรรณและลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์ที่แน่ชัดทางวิทยาศาสตร์ว่าประสิทธิภาพการชะลออายุผิวพรรณเมื่อใช้ทองคำเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆว่าจะคุ้มราคาหรือไม่ มีประวัติการนำทองคำบริสุทธิ์มาดัดแปลงใช้กับส่วนต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้า โดยเชื่อว่าจะช่วยชะลออายุผิวพรรณตั้งแต่ครั้งยุคของพระนางคลีโอพัตรา และมีใช้ในระดับผู้นำสูงสุดอีกหลายทวีป เช่น จีน อัฟริกา รวมทั้งยุโรป แม้จะยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์ว่าทองคำจะช่วยชะลอความเหี่ยวย่นของผิวหนังได้อย่างไร แต่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทองคำได้ออกสู่ตลาดในหลายรูปแบบ ทั้งครีมทาผิว ครีมพอกหน้า รวมทั้งแผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์ 24 เค สำหรับพอกหน้า แร่ทองคำบริสุทธิ์ไม่เป็นพิษหรือไม่ระคายเคืองต่อเซลร่างกาย และเราสามารถนำมาทำเองที่บ้านได้ด้วยจ้า นอกจานี้ทองคำเปลวยังสามารถมาตกแต่งอาหารได้ด้วยคะ วิธีตรวจสอบทองคำเปลวแท้เป็นแบบไหน วิธีดูทองคำเปลวว่าแท้หรือไม่นั้น ให้ลองเอานิ้วแตะทองมาสักเล็กน้อยแล้วบี้ทองด้วยนิ้ว ถ้าเป็นทองแท้ บี้แล้วทองจะเป็นผงจางๆ หรือหายไปเลยเพราะมันละเอียดมาก แต่ถ้าเป็นทองไม่แท้ (ทองผสม หรือทองวิทยาศาสตร์) บี้แล้วทองจะเป็นปั้นๆ หรือขี้ไคล คือเป็นผงไม่ละเอียด ดังนั้นถ้าเราเอาทองแท้มานวดหน้า ทองก็จะซึมลงผิวไปแทบจะทั้งหมด จะเหลือเศษจางๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะคะ ยังไงลองสังเกตกันได้ค่ะ
Author Archives: admin
องค์ของพระพิฆเนศนั้นจะมีหนูอยู่ด้วยเสมอ เพราะหนูคือพาหนะของพระองค์ท่าน จะเห็นบางคนมีความเชื่อที่ว่าเวลาไปขอพรกับพระพิฆเนศก็จะไปกระซิบที่หูของหนูเพื่อที่ว่าหนูจะเป็นคนไปส่งคำขอนั้นต่อองค์พระพิฆเนศนั้นเอง ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เลือกกระซิบหูข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ แต่จะต้องนำมือมาปิดหูอีกข้างที่ไม่ได้กระซิบเอาไว้ด้วย หลังจากนั้นก็กระซิบบอกความต้องการของตัวเอง ตามที่ได้ขอไว้กับพระพิฆเนศ ถือเป็นอันเสร็จพิธี สำหรับที่มาของหนู ที่ทำไมจึงมีความสำคัญถึงขนาดที่เราต้องมากระซิบบอกนั้น เริ่มจากในตำนาน กาจามุกะ ปิศาจช้างที่มีรูปร่างใหญ่โต ก่อกวนความสงบของสามโลกด้วยความทระนงตนว่าได้รับพรปกป้องคุ้มครองจากเทพ ปิศาจ มนุษย์และสัตว์โลกอื่นๆ แต่ด้วยความที่ พระพิฆเนศ อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ดำรงตนในรูปแบบของ กึ่งเทพกึ่งคชสาร (ช้าง) ทวยเทพจึงมอบหมายให้พระองค์ไปทำสงครามกับปีศาจตนนั้น ซึ่งในระหว่างการทำสงครามกันอย่างดุเดือด พระพิฆเนศทรงหักงาข้างขวาของพระองค์แล้วใช้เป็นหอกพุ่งเข้าใส่กาจามุกะ ด้วยพลังที่รุนแรง เป็นผลให้กาจามุกะกระเด็นลงไปนอนกับพื้น และรีบจำแลงกายเป็นหนูยักษ์เพื่อจะวิ่งหนี พระพิฆเณศจึงรีบกระโดดขึ้นนั่งหลังและปราบปรามจนหนูยักษ์หมดฤทธิ์เดช พระพิฆเณศจึงใช้หนูเป็นพาหนะนับแต่นั้นมา และหนูตัวนั้นก็ได้ชื่อว่า “มุสิกะ” คาถาในการบูชาที่เป็นทีนิยมกันส่วนใหญ่ คือ “โอม ศรีคเนศายะ นะมะทะ” โดยจะสวด 1 จบ , 3 จบ หรือ 9 จบก็ได้คะ โดยทางศิวิไลสังฆภัณฑ์ของเราก็มีหนูแก้บนจำหน่ายแล้วคะ
การบวชถือเป็นมหากุศลอันยิ่งใหญ่ ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตลูกผู้ชายทุกคน เพราะผลบุญจะแผ่ไปถึงบุคคลผู้ใกล้ชิด และลบล้างกรรมชั่วในอดีตได้ ตามแต่กำลังการบำเพ็ญตน อีกทั้งผู้บวชสามารถนำข้อปฏิบัติที่ได้จากการบวชพระมาใช้ในการดำรงชีวิตสืบต่อไปได้อย่างมีความสุข หรือหากท่านยินดีที่จะดำรงสถานภาพของสมณเพศไปจนตลอดชีวิต ก็นับว่าเป็นการอุทิศตนช่วยธำรงค์ไว้ซึ่งการสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนาไปจนตราบชั่วกาลนาน ระเบียบวิธีการบวช ในการบวชนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากคณะสงฆ์เสียก่อน เพราะฉะนั้นในการบวชเป็นภิกษุ จะต้องมีคณะสงฆ์อย่างน้อย 10 รูป ร่วมในสังฆกรรมนั้น นอกจากในที่ทุรกันดาร หาภิกษุสงฆ์ได้ยากจริงๆ ก็อาจใช้คณะสงฆ์เพียง 5 รูป ได้ และคณะสงฆ์ในที่ประชุมนั้นจะต้องเห็นชอบด้วยเป็นเอกฉันท์ถ้าหากมีภิกษุในที่นั้นแม้เพียงรูปเดียวคัดค้าน การบวชนั้นก็ใช้ไม่ได้ ส่วนการบรรพชาหรือบวชเป็นสามเณรนั้น แม้อายุไม่ครบ 20 ปี ก็บวชได้ตามปกติจะต้องอ่านออกเขียนได้ อุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีบวช เครื่องอัฐบริขารเป็นสิ่งจำป็นที่สำคัญซึ่งภิกษุจะต้องมีไว้ใช้ หรือเป็นเครื่องอาศัยในการดำรงเพศบรรพชิต มีทั้งหมด ๘ อย่าง ได้แก่ บาตร จีวร สบง สังฆาฏิ ผ้าประคดเอว หม้อกรองน้ำ กล่องเข็มพร้อมด้วยด้าย มีดโกน และหินลับมีด ในวันบวชพระอุปัชฌาย์ต้องตรวจดูว่ามีเครื่องอัฐบริขารครบถ้วนตามพระวินัยหรือไม่ เครื่องอัฏฐบริขารและเครื่องใช้อื่นๆ ที่ควรมีหรือจำเป็น
ช่วงเวลาที่มีประเพณีทอดกฐิน ระหว่างวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ จะทำก่อนหรือหลังจากนี้ไม่ได้ ความสำคัญของประเพณีทอดกฐิน เป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนจะได้ถวายเครื่องนุ่งห่ม และไทยธรรมเป็นเครื่องบูชาแด่พระสงฆ์ คำว่า กฐิน ตามภาษาบาลีแปลว่า ไม้สะดึง คือ กรอบไม้สำหรับขึงผ้าเพื่อเย็บของพระภิกษุให้สะดวกขึ้น เนื่องจากสมัยก่อน เครื่องมือที่จะใช้เย็บได้สะดวกไม่มีเหมือนในปัจจุบัน การเย็บจีวรต้องเย็บหลาย ๆ ชิ้นต่อกัน และประสานกันให้มีรูปเหมือนคันนาจึงต้องอาศัยไม้สะดึงช่วยในการขึงผ้า ฉะนั้น ผ้าที่ทำด้วยไม้สะดึงเพื่อการนี้โดยเฉพาะจึงเรียกว่า ผ้าเพื่อกฐิน และยังเรียกผ้ากฐินตามความหมายเดิมเรื่อยมาจนปัจจุบัน แม้ว่ามีผ้าสำเร็จรูปทำเพื่อทอดกฐินโดยไม่ได้อาศัยไม้สะดึงก็ตาม แต่เดิมกฐินเป็นเรื่องของสงฆ์โดยเฉพาะ ภิกษุสงฆ์ต้องไปหาผ้ามาเองจากที่ต่าง ๆ ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ด้วยวิธีบังสุกุลและนำผ้านั้นมาเย็บย้อมเอง ต่อมาราษฎรมีจิตศรัทธานำผ้ามาถวายในที่สุดพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้รับผ้าจาก ราษฎรได้และเมื่อทรงอนุญาตให้กรานกฐินจึงเป็นสาเหตุให้ราษฎรบำเพ็ญกุศลด้วย การทอดกฐิน โดยนัดแนะกับพระ พระจัดการต้อนรับดังนี้เป็นต้น คำว่า ทอด คือ เอาไปวางไว้ การทอดกฐิน จึงหมายถึงการนำเอาผ้ากฐินไปวางไว้ต่อหน้าพระสงฆ์ซึ่งมีจำนวนอย่างน้อย ๕ รูป โดยมิได้ตั้งใจว่าจะถวายแก่พระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งโดยเฉพาะ ผลจากการทอดกฐินทำไมถึงได้บุญเยอะ เพราะการทอดกฐินเป็นการทำบุญที่ถูกจำกัดหลายประการ เช่น จำกัดด้วยกาลเวลา คือ ผู้ถวายกฐินต้องถวายภายในกำหนด ๑ เดือน นับตั้งแต่วันออกพรรษา […]
วันเข้าพรรษา 25560 ตรงกับวันที่ 9 กรกฎาคม วันนี้เรามี ประวัติวันเข้าพรรษา ความสำคัญและกิจกรรมมาฝาก 9 กรกฎาคม 2560 คือวันสำคัญทางพุทธศาสนานั่นก็คือ “วันเข้าพรรษา” ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า “จำพรรษา” นั่นเอง ประวัติวันเข้าพรรษา “เข้าพรรษา” แปลว่า “พักฝน” หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า “ปุริมพรรษา” ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น […]
ประวัติความเป็นมาและความสำคัญของวันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบูชานับเป็นวันสำคัญที่มีเหตุการณ์สำคัญ 4 ประการ ได้เกิดขึ้นในครั้งอดีตสมัยพุทธกาล คือ เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งแก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้ามรูป อีกทั้งเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้พระสาวกองค์แรก นั่นคือ พระอัญญาโกญฑัญญะ ที่ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันองค์แรกนั่นเอง รวมทั้งนับเป็นวันที่มีพระสงฆ์รูปแรก โดยพระอัญญาโกญฑัญญะเมื่อได้บรรลุธรรมขั้นโสดาบันแล้ว ได้ทูลขออุปสมบทแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยพระองค์ได้ทรงประทานการบวชอุปสมบทแก่พระภิกษุเป็นครั้งแรกในพระพุทธศาสนาของเรา และเป็นวันที่เกิดพระรัตนตรัยครบองค์สาม ได้แก่ พระพุทธ, พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อครั้งพุทธกาลหลังจากที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงได้ตรัสรู้ได้ 2 เดือน พระองค์ได้แสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ได้แก่ พระอัญญาโกณฑัญญะ, พระวัปปะ, พระอัสสชิ, พระมหานามะ และพระภัททิยะ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แห่งเมืองพาราณสี แคว้นมคธ โดยใช้ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร คือ พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม เมื่อทรงเทศนาจบพระอัญญาโกณฑัญญะได้ประจักษ์แจ้งถึงดวงตาเห็นธรรมจึงได้สำเร็จเป็นพระโสดาบัน และได้อุปสมบทโดยพระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรก โดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนในเรื่องของมัชฌิมาปฏิปทา หรือการเดินตามหลักทางสายกลาง ที่ไม่สร้างความลำบากให้แก่ตนเอง และไม่หมกมุ่นอยู่ในความสุขทางกายจอมปลอม หรือหลงมัวเมาอยู่ในรูปรสกลิ่นเสียงนั่นเอง และในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาพระองค์จึงได้ทรงให้หลักธรรมที่เรียกว่า มรรคมีองค์ 8 หรืออริยอัฏฐังคิกมัคค์ และอริยสัจ 4 เพื่อให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ และไม่หลงมัวเมาอยู่กับต้นเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง